การจำแนกประเภทของดอกไม้
การจำแนกประเภทของดอกสามารถแบ่งได้หลายประเภทด้วยกัน โดยใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้
ใช้ส่วนประกอบที่เป็นโครงสร้างหลัก คือกลีบดอก กลีบเลี้ยง เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย สามารถแบ่งได้ดังนี้
1. ดอกสมบูรณ์ ( Complete Flower ) คือดอกไม้ที่มีองค์ประกอบของโครงสร้างหลักครบ ทั้ง 4 ส่วน เช่น ดอกกล้วยไม้ ดอกกุหลาบ ดอกชบา ดอกบัว ดอกมะเขือ เป็นต้น
2. ดอกไม่สมบูรณ์ (Incomplete Flower ) คือดอกที่โครงสร้างหลักไม่ครบทั้ง 4 ส่วน อาจจะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป เช่น ดอกมะละกอ ดอกบวบ ดอกตำลึง เป็นต้น
ใช้จำนวนเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย ว่าอยู่ในดอกเดียวกันหรือไม่ แบ่งได้ 2 ประเภทคือ
1. ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect flower) เป็นดอกมีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน เช่นดอกชบา ดอกมะเขืือ ดอกบัวหลวง
2. ดอกไม่สมบูรณ์เพศ ( Inperfect flower ) เป็นดอกที่ขาดเกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมีย ตัวใดตัวหนึ่งบนดอกนั้น เช่น ตำลึง ดอกบวบ
ใช้จำนวนดอกบนก้านชููดอก แบ่งได้ดังน
1. ดอกเดี่ยว ( Solitary flower) จะมีดอกดอกเดียวอยู่บนก้านชูดอก 1 ก้าน เช่น ดอกกุหลาบ ดอกพู่ระหง ดอกชบา ดอกมะเขือ
ดอกฝรั่ง ดอกจำปี ดอกฟักทอง เป็นต้น
2. ดอกช่อ ( Inflorescences flower) คือดอกที่มีหลาย ๆ ดอกอยู่บนก้านชูดอก 1 ก้าน เช่น ดอกหางนกยูง ดอกหอม ดอกกุ้ยช่าย
ดอกคะน้าดอกขี้เหล็ก เป็นต้น
ดอกฝรั่ง ดอกจำปี ดอกฟักทอง เป็นต้น
2. ดอกช่อ ( Inflorescences flower) คือดอกที่มีหลาย ๆ ดอกอยู่บนก้านชูดอก 1 ก้าน เช่น ดอกหางนกยูง ดอกหอม ดอกกุ้ยช่าย
ดอกคะน้าดอกขี้เหล็ก เป็นต้น


ใช้การติดอยู่บนฐานรองดอก วงต่าง ๆ ของดอกตั้งอยู่บนฐานรองดอกในลักษณะต่าง ๆ กัน ซึ่งแบ่งได้ 3 แบบ คือ
1.ไฮโพจินนี ( Hypogyny ) คือสภาพของดอกที่เกสรตัวเมียติดอยู่ที่ปลายฐานรองดอกที่ค่อนข้างยาวโดยอยู่เหนือส่วนอื่น ๆ ของดอก ดอกชนิดนี้เรียก ว่า ดอกไฮโพจินนัส ( Hypogynous flower ) ทำให้รังไข่อยู่เหนือฐานรองดอก เรียกว่า ซูพีเรียร์โอวารี (Superior ovary) ตัวอย่างเช่น ดอกมะเขือ มะเขือเทศ จำปี องุ่น มะละกอ ถั่ว ข้าวโพด มะม่วงหิมพานต์ ยี่หุบ บัว ส้ม บานบุรี เป็นต้น
2. เพริจินนี (Perigyny ) คือสภาพของดอกที่ฐานรองดอกโค้งล้อมรอบเกสรตัวเมียมีลักษณะคล้ายถ้วยแชมเปญที่มีเกสรตัวเมียอยู่ตรงกลางส่วนอื่น ๆ ของดอก คือ กลีบเลี้ยง กลีบดอก และเกสรตัวผู้มาติดที่ขอบฐานรองดอก จึงล้อมรอบเกสรตัวเมียเรียกดอกชนิดนี้ว่าดอกเพริจินนัส (Perigynous flower ) ตัวอย่างเช่น ดอกเชอรี กุหลาบ
3. เอพิจินนี ( Epigynous ) คือสภาพของดอกที่ฐานรองดอกโอบรอบเกสรตัวเมียทั้งหมด ทำให้เกสรตัวเมียอยู่ใต้ส่วนอื่น ๆของดอก ดอกแบบนี้จึงเรียก ว่า ดอกเอพิจินนัส ( Epigynous flower ) ทำให้รังไข่อยู่ใต้ฐานรองดอก เรียกว่า อินฟิเรียร์โอวารี ( Inferior ovary ) ตัวอย่างเช่น ดอกเล็ก ๆ ของทานตะวัน แอปเปิ้ล ทับทิม กล้วย ฝรั่ง ชมพู่ ฟักทอง แตงกวา บวบ พลับพลึง เป็นต้น
2. เพริจินนี (Perigyny ) คือสภาพของดอกที่ฐานรองดอกโค้งล้อมรอบเกสรตัวเมียมีลักษณะคล้ายถ้วยแชมเปญที่มีเกสรตัวเมียอยู่ตรงกลางส่วนอื่น ๆ ของดอก คือ กลีบเลี้ยง กลีบดอก และเกสรตัวผู้มาติดที่ขอบฐานรองดอก จึงล้อมรอบเกสรตัวเมียเรียกดอกชนิดนี้ว่าดอกเพริจินนัส (Perigynous flower ) ตัวอย่างเช่น ดอกเชอรี กุหลาบ
3. เอพิจินนี ( Epigynous ) คือสภาพของดอกที่ฐานรองดอกโอบรอบเกสรตัวเมียทั้งหมด ทำให้เกสรตัวเมียอยู่ใต้ส่วนอื่น ๆของดอก ดอกแบบนี้จึงเรียก ว่า ดอกเอพิจินนัส ( Epigynous flower ) ทำให้รังไข่อยู่ใต้ฐานรองดอก เรียกว่า อินฟิเรียร์โอวารี ( Inferior ovary ) ตัวอย่างเช่น ดอกเล็ก ๆ ของทานตะวัน แอปเปิ้ล ทับทิม กล้วย ฝรั่ง ชมพู่ ฟักทอง แตงกวา บวบ พลับพลึง เป็นต้น
รูปร่างและส่วนประกอบของดอกไม้้
ในปัจจุบันพืชดอกมีจำนวนมากกว่า 200,000 สปีชีส์ และคาดว่าพืชดอกเริ่มปรากฎในโลกเมื่อประมาณ 135 ล้านปีมาแล้วดอกไม้เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ของพืชมีดอก ซึ่งเป็นโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงมาจากกิ่ง ดอกเจริญเติบโตมาจากส่วนที่เรียกว่าตาดอก ( Flower bud ) ซึ่งเป็นกิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์ ดอกชูอยู่เหนือก้านดอก ( Pedicel ) และอยู่ติดกับฐานรองดอก ( Receptacle ) ซึ่งเดิมเป็นส่วนของลำต้น รูปร่างและขนาดของดอก แตกต่างกันมากมาย อีกทั้งสีและการเรียงตัวของส่วนต่าง ๆ ของดอก ก็แตกต่างกัน เช่น ดอกแหน มีขนาดเล็กมากจนมอง
แทบไม่เห็น ถึงอย่างไรก็ตาม ดอกประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่สำคัญอยู่ 4 ส่วนด้วยกัน ดังจะได้ศึกษาูในหน้าต่อไป
แทบไม่เห็น ถึงอย่างไรก็ตาม ดอกประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่สำคัญอยู่ 4 ส่วนด้วยกัน ดังจะได้ศึกษาูในหน้าต่อไป

ส่วนประกอบของดอกไม้

1. กลีบเลี้ยง ( Sepal ) เป็นกลีบเล็ก ๆ สีเขียว อยู่ล่างสุดของดอก ในระยะที่ดอก เริ่มผลิดอกออกมาใหม่ ๆ เราจะเห็นดอกตูมสีเขียวขยายโตขึ้น สีเขียวที่หุ้มดอกจะแยกออกมารองรับกลีบดอก กลีบสีเขียวนั้นคือกลีบเลี้ยงนั่นเอง กลีบเลี้ยงจะทําหน้าที่ห่อหุ้มดอกตูมและป้องกันอันตรายให้้กลีบดอกในขณะที่ยังอ่อนอยู่
2. กลีบดอก ( Petal ) เป็นส่วนที่อยู่เหนือขึ้นมาจากกลีบเลี้ยง กลีบดอกส่นใหญ่ จะมีสีสวยสะุุุดุุดตาหลายชนิดมีกลิ่นหอม ความสวยงามของดอกจะขึ้นอยู่กับสี ลักษณะ และจํานวนของกลีบดอกเป็นสําคัญ กลีบดอกเป็นส่วนประกอบของ ดอกที่บอบชํ้าง่ายและร่วงโรยเร็วกว่าส่วนประกอบอื่นๆ
3. เกสรตัวตัวผู้ ( Stamen ) มีลักษณะทั้วไปเป็นคล้ายหลอดอันเล็กๆ มักมีสีขาว ปลายหลอดจะมีอับใส่ละอองเรณูรูปร่างค่อนข้างกลมเกสรตัวผู้จะอยู่ถัดจากกลีบดอกเข้ามาข้างในดอก ก้านของเกสรตัวผู้อาจจะติดกับกลีบดอก หรือแยกออกมาต่างหากก็ได้ แล้วแต่ชนิดของพืช ดอกไ้ม้ดอกหนึ่ง ๆ อาจมีเกสรตัวผ ู้ตั้งแต่หนึ่งอันไปจนถึงหลาย ๆ อัน
4. เกสรตัวเมีย ( Pistil ) เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของดอก อาจจะมีอันเดียวหรือหลายอันก็ได้ เกสรตัวเมียโดยทั่วไปจะประกอบด้วยรังไข่ที่อยู่ล่างสุด บริเวณฐานรองดอก ภายในรังไข่จะบรรจุไข่อ่อนเล็กๆ ไว้ เหนือรังไข่จะเป็นท่อยาวขึ้นมา เรียกว่า ก้านชูเกสร ในท่อของก้านชูเกสรจะมีน้ำีเหนียว ๆ อยู่ เพื่อนำสเปิิร์มของเกสรตัวผู้ลงมาผสมกับไข่ในรังไข่ของเกสรตัวเมีย และบนสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย ซึ่งมีนํ้า เหนียวๆ อยู่เช่นกัน นํ้าเหนียวๆ นี้จะช่วยยึดเกาะเกสรตัวผู้ให้เข้ามาผสมกับเกสรตัวเมียได้ดีขึ้น
2. กลีบดอก ( Petal ) เป็นส่วนที่อยู่เหนือขึ้นมาจากกลีบเลี้ยง กลีบดอกส่นใหญ่ จะมีสีสวยสะุุุดุุดตาหลายชนิดมีกลิ่นหอม ความสวยงามของดอกจะขึ้นอยู่กับสี ลักษณะ และจํานวนของกลีบดอกเป็นสําคัญ กลีบดอกเป็นส่วนประกอบของ ดอกที่บอบชํ้าง่ายและร่วงโรยเร็วกว่าส่วนประกอบอื่นๆ
3. เกสรตัวตัวผู้ ( Stamen ) มีลักษณะทั้วไปเป็นคล้ายหลอดอันเล็กๆ มักมีสีขาว ปลายหลอดจะมีอับใส่ละอองเรณูรูปร่างค่อนข้างกลมเกสรตัวผู้จะอยู่ถัดจากกลีบดอกเข้ามาข้างในดอก ก้านของเกสรตัวผู้อาจจะติดกับกลีบดอก หรือแยกออกมาต่างหากก็ได้ แล้วแต่ชนิดของพืช ดอกไ้ม้ดอกหนึ่ง ๆ อาจมีเกสรตัวผ ู้ตั้งแต่หนึ่งอันไปจนถึงหลาย ๆ อัน
4. เกสรตัวเมีย ( Pistil ) เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของดอก อาจจะมีอันเดียวหรือหลายอันก็ได้ เกสรตัวเมียโดยทั่วไปจะประกอบด้วยรังไข่ที่อยู่ล่างสุด บริเวณฐานรองดอก ภายในรังไข่จะบรรจุไข่อ่อนเล็กๆ ไว้ เหนือรังไข่จะเป็นท่อยาวขึ้นมา เรียกว่า ก้านชูเกสร ในท่อของก้านชูเกสรจะมีน้ำีเหนียว ๆ อยู่ เพื่อนำสเปิิร์มของเกสรตัวผู้ลงมาผสมกับไข่ในรังไข่ของเกสรตัวเมีย และบนสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย ซึ่งมีนํ้า เหนียวๆ อยู่เช่นกัน นํ้าเหนียวๆ นี้จะช่วยยึดเกาะเกสรตัวผู้ให้เข้ามาผสมกับเกสรตัวเมียได้ดีขึ้น
ข้อมูลมาจาก: www.thaigoodview.com/library/teachershow/.../sec02p03.html
ดอกไม้สวยๆ
ตอบลบเติมสีสันให้โลก...
ตอบลบดีค่ะ
ตอบลบ